Custom Search

รัฐวอชิงตันเสนอวิธีจัดการศพแบบใหม่ ไม่เผา-ฝัง แต่ย่อยสลาย ให้กลายเป็นปุ๋ย


          รัฐวอชิงตันเสนอรูปแบบการจัดการศพแบบใหม่ แทนที่จะเผาและฝังศพแบบเดิม ๆ เปลี่ยนมา ย่อยสลายศพให้กลายเป็นปุ๋ย สร้างประโยชน์แก่ดินและต้นไม้ รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์โลก แถมลดค่าใช้จ่ายได้มาก 

          วันที่ 7 มกราคม 2562 เว็บไซต์ดิอินดิเพนเดนท์ รายงานว่า นายเจมี่ พีเดอร์สัน นักการเมืองพรรคเดโมเครต ผู้เป็นวุฒิสมาชิกรัฐวอชิงตัน ได้นำร่างกฎหมายฉบับใหม่ขึ้นเสนอในสภาสหรัฐฯ ว่าด้วยเรื่องวิธีการจัดการศพในรูปแบบใหม่ นั่นคือ ย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ย แล้วนำไปใช้บำรุงดินและบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์โลก ซึ่งถ้าหากร่างนโยบายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาและมีกฎหมายรองรับอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐวอชิงตันก็จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นรัฐแรกในสหรัฐฯ ที่สามารถเปลี่ยนร่างผู้เสียชีวิตให้กลายเป็นปุ๋ย เพื่อเป็นรากฐานให้กับการสร้างชีวิตใหม่ นั่นก็คือต้นไม้

          ตามปกติแล้ว เมื่อบุคคลใดก็ตามได้เสียชีวิตจากไป แล้วไม่ได้มีการลงพินัยกรรมเอาไว้ไปลายลักษณ์อักษรเรื่องการจัดการกับศพแบบเฉพาะเจาะจง ทางครอบครัวก็จะทำหน้าที่จัดงานศพ รวมทั้งจัดการกับศพไปตามธรรมเนียมและความเหมาะสม อาจจะเป็นการฝัง หรือเผา แล้วแต่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน แต่ในปัจจุบันนี้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับศพเพิ่งสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะค่าที่ดินหลุมฝังศพ 

          ผู้คนในโลกตะวันตกจึงหันมาใช้วิธีเผาศพกันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายอีกมากในหลาย ๆ ขั้นตอน อีกทั้งยังต้องใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายในการรักษาศพ รวมทั้งยังมีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการเผาศพด้วยเช่นกัน 

          ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว เจมี่ ผู้เป็นนักกฎหมายและนักการเมืองหัวก้าวหน้า จึงได้เสนอแนะวิธีการจัดการกับศพในรูปแบบใหม่ที่จะเป็นการแก้ปัญหาทุกอย่าง โดยเจมี่เปิดเผยว่า การนำศพไปย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ยนั้นมีประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจน 2 ประการใหญ่ ๆ ประการแรกก็คือ เป็นการลดค่าใช้จ่าย ซึ่งวิธีนี้จะสามารถประหยัดเงินทำศพไปได้มากถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 64,000 บาท ประการที่สองคือ จะช่วยในเรืองการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งลดการใช้สารเคมีในการรักษาศพ ลดการใช้เชื้อเพลิง และปุ๋ยก็จะสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินอีกด้วย

"โลกผ่านมาถึงปี 2562 แล้ว เทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไปทุกอย่าง แต่ในทา
งกลับกัน พวกเรามีวิธีการจัดการกับศพแค่เพียง 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ซึ่งมันเป็นวิธีที่เราใช้กันต่อเนื่องยาวนานมาหลายศตวรรษ ผมมองว่ามันก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งทีเดียว" เจมี่ พีเดอร์สัน กล่าว

          ผู้ที่ผลักดันและสนับสนุนโครงการจัดการศพรูปแบบใหม่คือ แคทรินา สเปด นักลงทุนและนักออกแบบชาวอเมริกัน วัย 41 ปี เธอได้ร่วมมือกับทีมผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับดินจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการวิจัยเรื่องนี้ หนึ่งในมันสมองสำคัญของโครงการคือ ลีนน์ คาร์เพนเตอร์-บ็อกส์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดิน ประจำภาควิชาปฐพีวิทยา มหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตัน โดยลีนน์กับทีมงาน และทีมนักศึกษา ได้มุ่งมั่นทำการทดลองกับร่างผู้เสียชีวิต 6 ศพ ที่ได้รับการบริจาค เพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการย่อยสลายทุกส่วนของศพให้กลายเป็นปุ๋ย 

          หนึ่งในวิธีที่ทดลองคือ นำศพวางลงในกล่องไม้หรือโลงไม้ ซึ่งภายในบรรจุด้วยเศษขี้เลื่อยและเศษไม้ ฟางแห้ง แอลแฟลฟา (พืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง) และสารช่วยย่อยสลายอื่น ๆ มีการปั๊มลมเข้าไปเพื่อเร่งกระบวนการย่อย และภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ศพก็ย่อยสลายจนหมด และหลังจากนี้ ทางทีมงานก็จะปรับปรุงขั้นตอนจนได้วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

          เมื่อเรื่องนี้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มันจะสามารถช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้มาก โดยเฉพาะในรัฐวอชิงตัน ซึ่งมีการอัตราการจัดการศพด้วยวิธีเผาศพสูงถึง 74 เปอร์เซ็นต์ โดยวิธีการจัดการศพแบบย่อยสลาย ใช้พลังงานเพียงแค่ 1 ใน 8 ของการเผาศพ และจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 1 ตัน จากการจัดการ 1 ศพ 

          ทั้งนี้นอกจากเจมี่จะเสนอแนะเรื่องการจัดการศพในรูปแบบดังกล่าวแล้ว เขายังผลักดันวิธีการจัดการศพในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย นั่นก็คือ วิธีอัลคาไลน์ไฮโดรไลซิส (Alkaline Hydrolysis) หรือฌาปนกิจแบบน้ำ กล่าวคือ เป็นการนำศพเข้าไปใส่ในเตาแบบเฉพาะ แล้วใช้สารเคมีอัลคาไลน์ความร้อนสูง และความดัน นำไปทำปฏิริยาเปลี่ยนศพให้กลายเป็นของเหลว ซึ่งในปัจจุบันนี้ 15 รัฐ ในสหรัฐฯ ได้บรรจุว่าเป็นหนึ่งในวิธีจัดการศพที่ถูกต้องตามกฎหมาย

          ทางด้านสมาคมกรรมการศพแห่งชาติ เปิดเผยว่า รสนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ในเรื่องการอุปโภคบริโภคอย่างเดียว เรื่องงานศพก็เช่นกัน และกระแสการจัดงานศพแบบอนุรักษ์ธรรมชาติก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ 

          โฆษกสมาคมกรรมการศพแห่งชาติ กล่าว ในฐานะสัปเหร่อ และบุคลากรต่าง ๆ ในวงการที่เกี่ยวข้องกับงานศพ หน้าที่สำคัญที่สุดของทุกคนก็คือ การให้คำปรึกษาและเสนอทางเลือกที่หลากหลายแก่ครอบครัว ญาติพี่น้อง และคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต ถ้าร่างกฎหมายได้รับการพิจารณาแล้ว การจัดการศพรูปแบบใหม่ที่รัฐวอชิงตันนำเสนอ จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่ทางสมาคมกรรมการศพแห่งชาติเลือกใช้ 

          แต่อย่างไรก็ตาม การจัดการศพในรูปแบบนี้ก็ยังต้องพบเจอกับความท้าทายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในรัฐอื่น ๆ หรือในต่างประเทศที่มีความเชื่อแตกต่างออกไป เพราะเมื่อมีผู้เสียชีวิตจากไป นอกจากเรื่องความถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิ่งที่ครอบครัวและญาติพี่น้องที่โศกเศร้าคำนึงถึงก็คือความถูกต้องทางศีลธรรม และการคงไว้ซึ่งความเคารพแด่ผู้วายชนม์ ด้วยเช่นกัน

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

รายการบล็อกของฉัน