Custom Search

เท้าดอกบัวในหญิงชาวจีน เครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ

ภาพเท้าของคุณยายที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนเหล่านี้ได้รับการบันทึกโดย Jo Farrell ช่างภาพชาวอังกฤษที่ได้ออกเดินทางบันทึกภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านภายในหมู่บ้านเล็กๆในประเทศจีน
ภาพถ่ายเท้าดอกบัวเหล่านี้
เป็นตัวอย่างของหญิงงามชาวจีนตามแบบเดิม ที่มีเท้าดอกบัว (Foot Binding)
👧เด็กหญิงชาวจีนในอดีตเมื่อมีอายุประมาณ
3 – 6 ขวบ จะถูกมัดเท้าด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย อย่างแน่นหนา เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เท้าเจริญเติบโตตามปกติ
แต่เนื่องจากเท้ายังคงมีการเจริญโตอยู่ เท้าจึงเกิดการเจริญเติบโตอย่างผิดรูป ทำให้เท้ามีขนาดเพียง 10 -15 เซนติเมตรเท่านั้น การมัดเท้าแบบนี้ได้เสื่อมลงในยุคศตวรรษที่ 20
การประพฤติเช่นนี้
เชื่อว่าเริ่มในหมู่ชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร 
(คริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11) แล้ว
จึงเป็นที่นิยมขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนจะแพร่หลายทั่วไปในชาวจีนทุกชนชั้น ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดง
ชั้นวรรณะ (เพราะผู้หญิงสาวสตรีครอบครัวมีอันจะกินและไม่จำต้องใช้เท้าทำงานเท่านั้นจึงจะรัดเท้าได้) และเป็นเครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ

ความรักในยุคพีระมิดบนหลุมฝังศพอียิปต์


ภายในหลุมศพที่สร้างขึ้นในยุคพีระมิดรุ่งเรืองของอียิปต์ นี่คือภาพของนักบวชหญิง เมอริทิเทียส และสามีของเธอ คาไฮ นักดนตรีในพระราชวังฟาโรห์

ทั้งคู่มีชีวิต 4400 ปีก่อน ในยุคที่พีระมิดเพิ่งเริ่มก่อสร้าง ภาพวาดข้างหลุมศพ
สะท้อนให้เห็นถึงรักแท้ของทั้งคู่

สุสานซักคารานี้เป็นที่ฝังศพของทั้งสองคน รวมทั้งลูกๆ และบางทีอาจจะหลานเหลนของทั้งคู่ ศูนย์การวิจัยค้นคว้าอียิปต์มหาวิทยาลัยแมคเคอรี่ ประเทศออสเตรเลีย

ได้ให้ข้อมูลว่าสตรีในอียิปต์ยุคพีระมิดให้ความสนใจในเรื่องความเท่าเทียมกันในสังคม สังเกตได้จากขนาดของหลุมศพที่มีความเท่ากัน และเนื่องจาก คาไฮ เป็นนักดนตรีของพระราชวัง จึงคาดเดากันว่าภาพวาดอันสวยงามของหลุมศพนี้ถูกวาดขึ้นโดยศิลปินในพระราชวังเช่นกัน
She was a priestess named Meretites, and he was a singer named Kahai, who performed at the pharaoh’s palace. They lived about 4,400 years ago in an age when pyramids were being built in Egypt,

จิ๊กซอว์สุดหินของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเซรามิคโบราณ


จิ๊กซอว์สุดหินของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเซรามิค
ตั้งหน้าตั้งตาต่ออย่างยากลำบาก

ภาพที่เห็นอยู่นี้คือเศษเซรามิคโบราณจิ่งเต๋อเจิ้น ภายในศูนย์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมสถาบันจิ่งเต๋อเจิ้น จังหวัด Jiangxi ของประเทศจีน

ซึ่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญต้องใช้ทั้งความรู้ความชำนาญและความอุตสาหะอย่างมาก 


ในการคัดแยกและต่อเศษเซรามิคโบราณเหล่านี้รวมเข้าเป็นผลงานเซรามิคที่สมบูรณ์
เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการ “เครื่องลายครามจิ่งเต๋อเจิ้นแห่งราชวงศ์หมิงในศตวรรษที่ 15” 


ที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ที่เซี่ยงไฮ้ โดยภายในงานผู้ชมจะได้พบกับเครื่องลายครามจากราชวงศ์หมิงจำนวนกว่า 170 รายการเลยทีเดียว

ข้อมูลจากเว็บไซต์ xinhu

ลูกจ้างควรรู้ กฎหมายคุ้มครอง คนมาสายแต่นายจ้างมีสิทธิ์ไม่ทำงาน ไม่จ่าย


เฟซบุ๊กทนายคู่ใจ แชร์ข้อกฎหมายที่ลูกจ้างควรรู้ คุ้มครอง "คนมาสาย" นายจ้างหักเงินไม่ได้ แต่นายจ้างมีสิทธิ์ "ไม่ทำงาน ไม่จ่าย"...

เฟซบุ๊กเพจ "ทนายคู่ใจ" ได้โพสต์ข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการมาสาย ที่ลูกจ้างควรรู้ จะได้ไม่ถูกนายจ้างเอาเปรียบ
 โดยระบุว่า "กฎหมายคุ้มครองสำหรับคนมาสาย
1. นายจ้างหักเงินค่าจ้าง จากเหตุมาสายไม่ได้ ผิดกฎหมายแรงงานฝ
2. มาสาย 5 นาทีจะมาลงว่าเรามาสาย 30 นาทีไม่ได้ สายเท่าไรลงเท่านั้นเพราะมันมีผลต่ออัตราเงินเดือน จะมาหักเรา 30 นาทีไม่ได้
3. มาสาย 3 วันหัก 1 วัน แบบนี้ก็ทำไม่ได้ผิดกฎหมายแรงงาน
4. มาสายแล้วไล่ออกเลยก็ไม่ได้ ถ้าจะไล่ออกต้องทำหนังสือเตือนมาตามแต่ระเบียบ
ของบริษัทจะประกาศไว้
5. มาสายแล้วบังคับทำโอที อันนี้ก็ไม่ได้ เพราะโอทีคือความสมัครใจของลูกจ้าง 
6. มาสายแล้วต้องโดนทำโทษ มันไม่มีเหมือนสมัยเรียน

แต่ทั้งนี้ นายจ้างก็อาจจะเลือกใช้สิทธิ์ No work No Pay คือไม่ทำงานก็ไม่จ่ายเงิน ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของนายจ้างที่จะทำได้ เช่น คำนวณสะสมระยะเวลามาสายในแต่ละเดือนว่ารวมแล้วกี่ชั่วโมงเพื่อมาคำนวณเวลาที่หายไปของลูกจ้างต่ออัตราค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมง เป็นต้น 

พร้อมระบุด้วยว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 76 ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักเพื่อ

มาตรา 144 นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.

ก้นบุหรี่ครองแชมป์ขยะจำนวนมากที่สุดในมหาสมุทร


หลายคนอาจคิดว่าแพขยะขนาดยักษ์ที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทร น่าจะประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของใช้พลาสติกที่มนุษย์ทิ้งขว้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ผลการสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลับพบว่า ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกอีกประเภทหนึ่งคือก้นกรองบุหรี่นั้นเป็นต้นตอก่อมลภาวะในทะเลที่มีจำนวนมากที่สุด

ปัญหาเรื่องก้นบุหรี่ถูกทิ้งเกลื่อนตามชายหาดและสถานที่ต่าง ๆ ได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อองค์กร Truth Initiative ซึ่งเป็นหน่วยงณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ในสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้ห้ามการผลิตและจำหน่ายก้นกรองบุหรี่ โดยอ้างว่านอกจากก้นกรองจะไม่ช่วยลดสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายของผู้สูบบุหรี่ได้จริงแล้ว ยังเป็นตัวการสำคัญที่ก่อมลภาวะในมหาสมุทรมากกว่าขยะพลาสติกอื่น ๆ อีกด้วย

องค์กรดังกล่าวระบุว่า ในแต่ละปีทั่วโลกผลิตบุหรี่ได้ราว 5.5 ล้านล้านมวน ในจำนวนนี้เป็นบุหรี่ที่มีก้นกรองราว 4.6 ล้านล้านมวน ซึ่งจะกลายเป็นขยะปริมาณมหาศาลที่แทบไม่สามารถย่อยสลายได้ เนื่องจากไส้กรองบุหรี่ทำจากเส้นใยเซลลูโลสอะซีเตต (Cellulose acetate) ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่ง จะต้องใช้เวลานานหลายสิบปีกว่าจะเริ่มสลายตัว

ก่อนหน้านี้องค์กรอนุรักษ์มหาสมุทร Ocean Conservancy ออกมาระบุว่า ตลอดช่วงเวลา 32 ปีที่ผ่านมา โครงการทำความสะอาดบริเวณชายฝั่งที่จัดขึ้นปีละครั้งในหลายประเทศทั่วโลก สามารถเก็บรวบรวมขยะที่เป็นก้นบุหรี่ได้แล้วกว่า 60 ล้านชิ้น โดยคิดเป็นกว่า 1 ใน 3 ของขยะที่เก็บได้ในทะเลทั้งหมด

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าก้นบุหรี่ที่ทิ้งแล้วยังมีอันตรายจากสารพิษที่ตกค้างอยู่ เช่นนิโคติน สารหนู ยาฆ่าแมลง และสารก่อมะเร็งอีกหลายชนิดที่อาจปนเปื้อนในน้ำทะเลและเป็นพิษต่อสัตว์น้ำได้ โดยไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์พบร่องรอยของสารเคมีดังกล่าวในประชากรนกทะเลถึง 70% และในเต่าทะเลอีกราว 30%

สำหรับประเทศไทยนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่บริเวณชายหาด 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะจากก้นบุหรี่ดังกล่าว โดยคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สัตว์โลกชนิดอื่นมีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนเหมือนมนุษย์หรือไม่



สัตว์โลกชนิดอื่นมีอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนเหมือนมนุษย์หรือไม่
ความสามารถในการรู้สึกถึงความสุข ความเจ็บปวด และความกลัว ไม่ได้มีแค่ในมนุษย์เท่านั้น อันที่จริงอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากในการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์แล้วอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน เช่น ความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือความไม่พอใจต่อความไม่เป็นธรรมแบบที่พบเห็นได้ในมนุษย์จะมีอยู่ในสัตว์ชนิดอื่นด้วยหรือไม่
นักวิทยาศาสตร์ด้านชีววิทยาวิวัฒนาการ 

ด้านพฤติกรรม และด้านสมอง พบว่าระบบประสาทของคนเรามีความคล้ายคลึงกับสัตว์บางชนิดอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่มักคิดว่าเกิดขึ้นเฉพาะในมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ในความจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
นี่คือ 5 ตัวอย่างอารมณ์ที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งถูกพูดถึงในหนังสือเรื่อง The Emotional Intelligence of Animals (ความฉลาดทางอารมณ์ของสัตว์) ของ ดร.ปาโบล เฮอร์เรรอส ผู้เชี่ยวชาญด้านไพรเมตวิทยา และมานุษยวิทยา
1. ความรู้สึกถึงความยุติธรรม

ลองปฏิบัติอย่างลำเอียงต่อเจ้าลิงคาปูชินดูสิ คุณจะต้องเผชิญกับปฏิกิริยาอันเกรี้ยวโกรธของพวกมัน!
คนส่วนใหญ่สามารถรับรู้ได้ถึงความยุติธรรมและความอยุติธรรมเช่นเดียวกับลิงคาปูชิน
งานวิจัยจากศูนย์ไพรเมตเยอร์คีส์ ในเมืองแอตแลนตา ของสหรัฐฯ พบว่า ลิงพันธุ์นี้จะไม่ยอมให้ความร่วมมือเวลาที่พวกมันรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
นักวิจัยศึกษาเรื่องนี้โดยให้แตงกวากับลิงคาปูชินกลุ่มหนึ่งเพื่อให้ลิงมอบเหรียญพลาสติกเป็นการตอบแทน
แต่มีลิงตัวหนึ่งในกลุ่มได้รับผลองุ่น ซึ่งเป็นอาหารที่พวกมันโปรดปรานมากกว่าแตงกวา
เมื่อลิงตัวอื่นเห็นเช่นนั้น พวกมันจึงหยุดให้ความร่วมมือในการทดลองทันที แถมบางตัวยังแสดงอาการไม่พอใจด้วยการเขวี้ยงแตงกว่าใส่มนุษย์ด้วย
2. ความรู้สึกอยากแก้แค้น

ช้างที่มีใจผูกพยาบาทจะหาทางแก้แค้นคนที่ทำไม่ดีกับพวกมัน
มนุษย์แทบทุกคนคงจะมีความรู้สึกอยากแก้แค้นขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต แต่เหตุใดสัตว์บางชนิดจึงมีความรู้สึกแบบนี้ด้วย
เมื่อปี 2016 โขลงช้างป่าบุกเข้าเมืองรานชีทางภาคตะวันออกของอินเดีย ทำให้ชาวเมืองต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น ช้างโขลงนี้ต่างมองหาศพของช้างเพศเมียตัวหนึ่งที่ตายหลังจากพลัดตกลงไปในคลองชลประทาน
สัตว์หลายชนิดยังแสดงออกถึงความแค้นใจและความพยาบาทคนเลี้ยงที่มีความโหดร้ายด้วย
นอกจากนี้ ลิงชิมแปนซี ยังรู้ด้วยว่าใครเป็นมิตรและใครคือศัตรู และหากคู่อริทำร้ายเพื่อนของมันก็จะมีการแก้แค้นเกิดขึ้น
3. ความรักของแม่

สายใยรักที่แม่ชิมแปนซีมีให้ลูกน้อยมีความแน่นแฟ้นมาก
มนุษย์มักมีความรักและการปกป้องลูกน้อย แต่สัตว์ชนิดอื่นก็สามารถแสดงออกถึงสายใยรักระหว่างแม่และลูกได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
คริสตินา ลิงชิมแปนซีเพศเมียจากแทนซาเนีย คือหนึ่งตัวอย่างของสัตว์ที่แสดงออกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีให้ลูกน้อยของมัน ซึ่งเกิดมาพร้อมกับอาการดาวน์ซินโดรม และโรคไส้เลื่อนจนทำให้มันไม่สามารถลุกขึ้นยืนเองได้

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคริสตินาและพบว่ามันจะหยุดจากการกินอาหารเพื่อดูแลลูกน้อยของมัน และมันจะไม่ยอมให้ใครอุ้มลูกของมันราวกับรู้ว่าไม่มีใครดูแลลูกได้ดีเท่าตัวมันเอง แต่ในที่สุดลูกสาวตัวน้อยของคริสตินาก็ตายลงตอนอายุ 2 ขวบ
ดร.เฮอร์เรรอส ยังเขียนเกี่ยวกับแม่ช้างและลูกน้อยที่พลัดพรากจากกัน หลังจากลูกช้างถูกขโมยไปฝึกเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในประเทศไทย
3 ปีต่อมา กลุ่มนักอนุรักษ์ได้ตามหาลูกช้างจนเจอแล้วช่วยนำมันกลับไปหาแม่ที่อยู่ในศูนย์อนุรักษ์แห่งหนึ่ง เมื่อพบหน้ากันพวกมันยืนนิ่งอยู่ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะค่อย ๆ ใช้งวงลูบสัมผัสกันและกันอย่างอ่อนโยน
4. อกหัก

นกแก้วมาคอว์สามารถตายได้เพราะอกหัก
การอกหักและสูญเสียคู่รักอาจสร้างความเจ็บปวดใจแสนสาหัสให้แก่มนุษย์
นกแก้วมาคอว์ ซึ่งมีคู่ครองเดียวตลอดชีวิต ก็มีความรู้สึกอกหักได้อย่างรุนแรงไม่แพ้กัน
โดยหากนกตัวใดตัวหนึ่งตายลงกะทันหัน อีกตัวจะไม่สามารถทนรับความสูญเสียได้ และมักมีอาการตรอมใจไม่ยอมกินอาหารจนร่างกายอ่อนแอลง
บางตัวร่างกายอ่อนแอจนไม่มีแรงเกาะรังที่หน้าผาแล้วร่วงลงสู่ก้นเหวเบื้องล่าง นี่อาจเป็นรูปแบบหนึ่งในการฆ่าตัวตายเพราะความรักของสัตว์ก็เป็นได้
5. ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและการปลอบประโลมกัน



หนูนาแพรรี จะปลอบประโลมหนูตัวอื่นที่ตกอยู่ในความครียด
มนุษย์มีความสามารถในการปลอบโยนและมีความเห็นอกเห็นใจให้กันและกัน
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science เมื่อปี 2016 พบว่า หนูนาแพรรี (Prairie vole) จะปลอบประโลมหนูตัวอื่นที่มีอาการเครียด ซึ่งเป็นการค้นพบที่นักวิจัยบอกว่าเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน

ในการทดลองนี้ นักวิจัยจะแยกหนูสองตัวออกจากกัน แล้วใช้ไฟฟ้าช็อตเบา ๆ หนูตัวหนึ่ง จากนั้นเมื่อจับหนูทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกัน หนูตัวที่ไม่ถูกไฟช็อตจะช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายตัวให้หนูอีกตัวด้วยการเลียเป็นระยะเวลานานกว่าปกติ เมื่อเทียบกับหนูอีกคู่ที่ถูกจับแยกแต่ไม่ได้ถูกช็อตไฟฟ้า
ทีมนักวิจัยบอกว่า นี่เป็นการแสดงความรักที่ช่วยกระตุ้นให้สมองของหนูที่มีอาการเครียดได้หลั่งสารออกซิโทซิน (oxytocin) หรือที่เรียกว่า "ฮอร์โมนแห่งความรัก" ออกมาซึ่งจะช่วยให้มันรู้สึกดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอื่นที่พบว่าลิงชิมแปนซีจะช่วยปลอบโยนลิงที่ถูกตัวอื่นแสดงอาการก้าวร้าวใส่ เช่นเดียวกับโลมา ช้าง และสุนัข ก็แสดงพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน

ผีตายห่า – ผู้วายชนม์ด้วยโรคห่า


ผีตายห่า – ผู้วายชนม์ด้วยโรคห่า

ผีตายห่า หรือ ผีห่า เป็นชื่อเรียกของคนที่ตายด้วยโรคห่า แต่ปัจจุบันคนมักนำมาพูดรวมกัน เป็นคำว่า ตายห่าตายโหง บางคนไม่เข้าใจเลยคิดว่าเป็นการตายแบบเดียวกันไป นอกจากนี้คำว่า ตายห่า 
ยังเป็นคำอุทานด้วย

ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ มีโรคห่า ระบาดในเขตพระนคร ทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ศพของคนที่ตายมีมากกว่าที่วัดจะรองรับได้ คนจึงนำเอามาทิ้งไว้ตามลานวัดบ้าง แม่น้ำลำคลองบ้าง วิญญาณ

ของคนที่ตายก็ไม่สงบ เพราะไม่ได้รับการทำพิธีศพที่ถูกต้องตามศาสนา เลยยังคงปรากฏกายให้ผู้คนได้พบเห็นกันอยู่ทั่วไป

ผีตายห่า เป็นคำเรียกคนที่ตายด้วย โรคห่า หรือ อหิวาตกโรค ในสมัยโบราณ ซึ่งหากหมู่บ้านหรือเมืองไหนเกิดโรคร้ายชนิดระบาดแล้วล่ะก็เป็นเบือเลยทีเดียว เพราะในยุคก่อนนั้นการแพทย์ยังไม่ค่อย
เจริญเหมือนปัจจุบันนี้บางตำราว่าหากมีการตายด้วยกาฬโรค ก็เรียกว่าตายห่าเหมือนกัน

อีกตำราหนึ่งกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของคำนี้ไว้ว่า เมื่อวิญญาณของคนที่ตายด้วยโรคห่า มาหลอกหลอนผู้คน จึงมีคำเรียกผีชนิดนี้ว่า

ผีตายห่า คำว่า ผีห่า นั้นหมายถึงผีที่ดุร้ายหรือมีความเลวร้ายไม่ผิดอะไรกับโรคห่า ต่อมาอาจจะมีผู้เห็นว่าผีตายด้วยโรคห่าแทนที่จะไปสู่สุคติกลับมาหลอกหลอน ผู้คนไม่ผิดอะไรกับผีร้าย อย่างผีห่า ความหมายของผีตายห่ากับผีห่า ความหมายของ ผีตายห่า กับ ผีห่า ก็เลยผสมกลมกลืนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานซึ่งยังสรุปอะไรไม่ได้นัก

ปัจจุบัน คำว่า ตายห่า ก็ใช้พูดกันนั้นไม่ได้หมายถึงการตายด้วยโรคห่าอีกแล้วแต่เป็นคำติดปากที่นิยมใช้กันพร่ำเพรื่อ หรือคำอะไรที่

ต้องการแสดงให้เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็นิยมเอาคำว่าห่านี้มาต่อท้าย เช่น หนาวตายห่า ร้อนจะตายห่า หรือยุ่งตายห่า ซึ่งเป็นคำไม่ค่อยสุภาพ

จีนพบรอยเท้ายักษ์ปริศนา ใหญ่กว่ามนุษย์ 2 เท่า เชื่อเป็นบิ๊กฟุตในตำนาน

จีนพบรอยเท้ายักษ์ปริศนา ใหญ่กว่ามนุษย์ 2 เท่า เชื่อเป็นบิ๊กฟุตในตำนาน

ชาวจีนพบรอยเท้าปริศนาขนาดยักษ์ ยาวกว่า 57 เซนติเมตร เชื่อเป็นของ "เหย่เหริน" (มนุษย์หมี)
หรือบิ๊กฟุตในตำนานของแถบอเมริกาเหนือ
       เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยคลิปวิดีโอพร้อมรายงานว่า ชาวบ้านชาวจีน พบรอยเท้าข้างซ้ายที่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ ประทับอยู่บนแผ่นหินกลางหุบเขา ในมณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน

       จากรายงานระบุว่า ขนาดของรอยเท่ายักษ์นี้วัดได้ความยาว 57 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร และลึก 3 เซนติเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับมนุษย์ปกติแล้วมีขนาดใหญ่กว่าถึง 2 เท่าด้วยกัน ทั้งนี้ ยังมีชาวบ้านอีกกลุ่ม พบรอยเท้าลักษณะเดียวกันนี้ แต่เป็นข้างขวาที่หุบเขาแห่งอื่น  
โดยชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่า รอยเท้าปริศนาขนาดใหญ่นี้ เป็นของเหย่เหริน (Yeren) หรือมนุษย์หมี ตามความเชื่อของจีน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับขนาดใหญ่อาศัยอยู่ป่าลึก

มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีขนดกปกคลุมอยู่ทั่วร่าง พวกเดียวกับบิ๊กฟุต (Bigfoot) หรือไอ้ตีนโตของแถบอเมริกาเหนือ ซึ่งจริง ๆ มันมีตัวตนหรือไม่นั้น ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ และยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจนถึงทุกวันนี้

ครม อัด 500 บาทบัตรคนจน ช่วยค่าชุดนร.-ซื้อปุ๋ย เพิ่มเบี้ยผู้พิการ

ครม. อัด 500 บาทบัตรคนจน ช่วยค่าชุดนร.-ซื้อปุ๋ย เพิ่มเบี้ยผู้พิการ

ครม.เทงบ 1.32 หมื่นล้าน อัดเงินบัตรคนจน 4 กลุ่ม ช่วย 500 ค่าชุดนักเรียน ค่าปุ๋ยคนละ 1 พัน เพิ่มเบี้ยผู้พิการเดือนละ 200 และ 500 ผู้มีรายได้น้อย 5 ล้านคน ซื้อของร้านธงฟ้า จัดลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก-ท่องเที่ยว...

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติมาตรการพยุงเศรษฐกิจกลางปี 2562 วงเงิน 13,200 ล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการการเพิ่มเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กับคน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผู้ปกครองที่มีลูกหลานกำลังเรียนจะได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 500 บาท ต่อบุตร 1 คน ซึ่งรับครั้งเดียว เพื่อซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน

2.กลุ่มเกษตรกรที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้รับเงินคนละ 1,000 บาท เพื่อนำไปซื้อปุ๋ยไว้ใช้ทำการเกษตร ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งเดียว ครอบคลุมเกษตรกรจำนวนประมาณ 4.1 ล้านคน

3.กลุ่มผู้พิการที่ขึ้นทะเบียนไว้และถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย. 2562 และ 4.กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5 ล้านคน จะได้รับเงินไปใช้ซื้อของผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐคนละ 500 บาทเท่ากันหมด จากเดิมที่ได้คนละ 200 หรือ 300 บาท ในเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2562

นอกจากนี้ยังมีมาตรการทางภาษี ทั้งการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้ลดหย่อนภาษีแก่ผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรกที่มีราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ไปจนถึงสิ้นปี 2562 วงเงินลดหย่อนไม่เกิน 1 แสนบาท

รวมถึงมาตรการภาษีลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคล เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวทั่วไทย วงเงินหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท ในเมืองหลักและเมืองรองไม่เกิน 20,000 บาท พร้อมกันนี้ยังมีมาตรการเพื่อสนับสนุนการศึกษาและกีฬา ไม่เกิน 15,000 บาท ไม่รวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม มาตรการทั้งหมดเชื่อว่าจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.9 ในปี 2562 จากเดิมที่ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.8.

ทีมดำน้ำฉงน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดับ ขณะสำรวจ ยูเอฟโอ ใต้ทะเลบอลติก


ทีมนักดำน้ำลงไปสำรวจ "ยูเอฟโอ" ใต้ทะเลบอลติก หลังเครื่องโซนาร์จับภาพได้เมื่อปีที่แล้ว แต่ต้องพิศวงเพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ กลับใช้การไม่ได้เมื่อเข้าใกล้ในระยะ 200 เมตร...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 27 มิ.ย. ว่าทีมนักดำน้ำ "โอเชียน เอ็กพลอเรอร์" ลงไปสำรวจใต้ก้นทะเลบอลติก หลังเครื่องโซนาร์จับภาพวัตถุลึกลับได้เมื่อปีที่แล้ว และมีการตีความกันไปว่าอาจเป็น "ยูเอฟโอ" เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับยานมิลเลนเนียมฟอลคอน จากภาพยนตร์เรื่อง "สตาร์วอร์ส" และเป็นที่น่าประหลาดใจ เพราะเมื่อเข้าใกล้ในระยะ 200 เมตร อุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดกลับใช้การไม่ได้
 


ด้านสเตฟาน โฮเกอร์บอร์น นักดำน้ำมืออาชีพเปิดเผยว่า ระหว่างลงไปสำรวจวัตถุรูปทรงยูเอฟโอใต้ทะเลบอลติก อุปกรณ์ของต่างๆ อาทิ กล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์ดาวเทียม ไม่สามารถใช้การได้เมื่อเข้าใกล้ในระยะ 200 เมตร แต่เมื่อห่างออกไปกลับใช้งานได้ตามปกติ

ขณะที่ เดนนิส แอสเบิร์ก หนึ่งในสมาชิกทีม ระบุว่า เชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าเราพบบางสิ่ที่พิเศษมาก ไม่ว่าจะเป็น อุกกาบาต สะเก็ดดาว ภูเขาไฟ หรืออะไรก็ตามแต่


อนึ่ง วัตถุลึกลับดังกล่าว ถูกเครื่องโซนาร์จับภาพได้ตั้งแต่พ.ค. 2010 แต่ยังไม่สามารถฟอร์มทีมสำรวจได้ กระทั่งปัจจุบันเพิ่งลงไปสำรวจสำเร็จ แต่กลับต้องพบเรื่องสุดพิศวง


อย่างไรก็ดี จะมีการลงไปสำรวจอีกครั้งในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังมีการสร้างเรือดำน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ในการลงไปท่องเที่ยวและดูวัตถุลึกลับด้วยตาตัวเองอีกด้วย.

ทีวีเม็กซิโกเผยคลิป ยูเอฟโอ พุ่งตกปากปล่องภูเขาไฟ


ทีวีท้องถิ่นเม็กซิโกเผยแพร่คลิปวิดีโอ ดวงไฟลึกลับคาดเป็น "ยูเอฟโอ" พุ่งตกลงปากปล่องภูเขาไฟทางภาคใต้ของประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเม็กซิโก นำคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ได้เมื่อ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา มาเผยแพร่ต่อสาธารณชน หลังสามารถถ่ายติดลำแสงประหลาด คาดว่าเป็นวัตถุลึกลับจากต่างดาว "ยูเอฟโอ" พุ่งตกลงไปในปากปล่องภูเขาไฟ "โปโปคาเตเปตล์" ทางภาคใต้ของประเทศ ที่กำลังปะทุอยู่

สำหรับวิดีโอดังกล่าว ปรากฏให้เห็นแสงไฟเคลื่อนตัวมาจากทางมุมบนขวาของกล้อง แต่เคลื่อนมาใกล้ปากปล่องภูเขาไฟ ก่อนเลี้ยวไปทางเดิม แต่กลับหายเข้าไปในเปลวเพลิงแทน

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องยากที่จะอธิบาย ใกล้กับภูเขาไฟขนาดใหญ่

โดยเมื่อเดือน พ.ย. ปลายปีที่ผ่านมา พบวัตถุรูปทรงแท่งยาวคล้ายบุหรี่ พุ่งดิ่งลงไปในปากปล่องภูเขาไฟสูง 18,000 ฟุต ห่างจากกรุงเม็กซิโก ซิตี้ ไปทางตอนใต้ราว 40 ไมล์.

คลิปวิดีโอ ยูเอฟโอรูปทรงแท่งยาวดิ่งลงปากปล่องภูเขาไฟ เ

ไม่กินอาหารเช้า หัวใจวายเข้าตีสนิท


นักวิจัยมหาวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ดชื่อดังของสหรัฐฯ ค้นพบความจำเป็นของอาหารเช้าอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้สูงอายุที่ไม่กินอาหารเช้า จะทำให้เสี่ยงภัยกับโรคหัวใจวายมากกว่าเพื่อนที่กินตามปกติถึงร้อยละ 27

ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่อาจบอกได้ว่า เหตุใดการไม่กินอาหารเช้าถึงได้กระเทือนหัวใจ

ได้แต่คิดว่า ผู้ที่ไม่ได้กินอาหารเช้า พอตกสายก็ชักจะหิว และร่างกายก็ต้องการอาหารที่มีแคลอรีมากภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาจมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง ที่อาจทำให้เส้นเลือดอุดตันขึ้นได้

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นก็ยังอึกอักอยู่เหมือนกัน หมอแอนดรูว์ โฮเดการ์ด มหาวิทยาลัยมินเนโซตาซึ่งเคยศึกษาความเกี่ยวพันของอาหารกับปัญหาสุขภาพ อย่างเช่น ความอ้วนและความดันโลหิตสูงมาก่อน 
ก็กล่าวว่า “เราไม่รู้ว่าเป็นเพราะจังหวะเวลา หรือปริมาณของอาหารที่ทำเรื่องกันแน่” และเสริมว่า “แต่โดยมากแล้ว ผู้ที่กินอาหารเช้ามักจะเลือกกินแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย”.

เศรษฐกิจและสุขภาพคนไทย จน-เครียด-ป่วย


ปีนี้เป็นปีที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คนยุคเบบี้บูม คนเจน X เจน Y เจน Z วันก่อน กลุ่มธุรกิจธอมสัน อินเทลลิเจนล์ ของ วันเดอร์แมน ธอมสัน บริษัทในเครือโฆษณายักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ได้สำรวจเรื่อง “เศรษฐกิจสุขภาพในประเทศไทย” (The Well Economy Thailand) ในกลุ่มคน 500 คน (เข้าใจว่าสำรวจพร้อมกันหลายประเทศเพราะมีข้อมูลเปรียบเทียบ) พบว่าคนไทยหันมาใส่ใจเรื่อง “สุขภาพดี” กันมากขึ้น

สุขภาพดี ในความหมายของคนปัจจุบัน ไม่ใช่มีแค่เรื่องการเจ็บป่วยเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆอีกด้วย
ผลสำรวจพบว่า นิยามของคำว่า “สุขภาพดี” ของคนในยุคนี้ ต้องครอบคลุมใน 5 ด้าน คือ สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพทางเพศ สติสัมปชัญญะ ความสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิต ผลสำรวจพบว่า กลุ่มคนเจน X (เกิดปี 2508-2522) และ เบบี้บูมเมอร์ (เกิดปี 2489-2507) จะให้ความสำคัญของ “สุขภาพจิต” มากกว่า ส่วน คนเจน Z (เกิดปี 2540 ขึ้นไป) และ คนเจน Y มิลเลนเนียล (เกิดปี 2523-2540) จะให้ความสำคัญในเรื่อง “สุขภาพร่างกาย” และ “ความสมบูรณ์แข็งแรง” และให้ความสำคัญกับการควบคุมดูแลอาหาร (Diet) เป็นอันดับหนึ่งมากกว่าการออกกำลังกาย
แรงจูงใจหลัก ในการดูแลร่างกายของคนไทยคือ ต้องการให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดี (Positive Selt Image) มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคร้ายสูงถึง 82% ส่วน คนเจน Z เจน X 50% ให้ความสำคัญกับการดูแลร่างกายให้ดูดีสมส่วนและสมบูรณ์แข็งแรง มักกังวลในเรื่องน้ำหนักของตัวเองและไม่กำยำล่ำสันมากพอ โดย 89% มองว่า ปัจจุบันการเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเป็นกระแสนิยมที่ห้ามตกเทรนด์

คนไทย 90% เชื่อว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพไม่ดีอันดับหนึ่ง ก็คือ เรื่องเงินทอง และ การเงินส่วนบุคคล ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง เพราะทำให้เกิดความเครียด (58%) เช่นเดียวกับผลสำรวจในประเทศอื่นๆ ออสเตรเลีย (52%) จีน (42%) อินโดนีเซีย (60%) และนำไปสู่ วัฏจักรการหาเงินมาแก้ไขปัญหาสุขภาพ วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบ เข้าข่าย “เงินน้อย (ลง) ส่งผลให้เกิดความเครียด เมื่อเกิดสภาวะความเครียดกดดัน ก็กระทบกับสุขภาพกายและใจ ทำให้เจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องเสียเงินเพื่อรักษาเยียวยา”

ผลสำรวจพบว่า คนเจน X มีแนวโน้มจะมีความเครียดมากที่สุดในทุกแง่มุมของชีวิต

เมื่อพบว่าป่วย คนไทยจะรักษาตนเองด้วยยาแก้ปวดลดไข้ จากร้านขายยามากที่สุด โดย คนกลุ่มเจน Y (65%) เจน X (73%) จะรักษาตัวเองด้วยยาแก้ปวดทั่วไป เพื่อความรวดเร็วและประหยัดเวลามากกว่าคนรุ่นอื่นๆ และค้นหาข้อมูลของอาการและวิธีรักษาเพิ่มเติมทางช่องทางออนไลน์ ขณะที่ คนยุคเบบี้บูมเมอร์ 46% จะไปหาหมอที่คลินิก

การสำรวจยังพบข้อมูลที่น่าสนใจคือ คนไทยมองว่า “แนวคิดทางพุทธศาสนา” มีผลบวกต่อสุขภาพ โดย คนไทยมีอัตราการทำสมาธิและการบำบัดตนเองสูง ทั้งในแง่ของร่างกายและอารมณ์ เช่น การทำสมาธิ 78% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 51% การผ่อนคลายด้วยสปา 60% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 53% รักษาด้วยการบำบัด 50% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 30% ขณะเดียวกัน “แอปสุขภาพ” ก็ได้รับความสนใจจาก คนเจน Y เจน X เจน Z มากขึ้น โดยเชื่อว่าแอปสุขภาพจะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ถึง 81% เลยทีเดียว
ธอมสัน ได้สรุปผลสำรวจถึงสถานการณ์ “เศรษฐกิจสุขภาพ” ของคนไทยในระดับไมโครว่า เป็นดัชนีสำคัญชี้วัดความมั่นคงแข็งแรงและเสถียรภาพของประเทศ เพราะ “คนที่มีคุณภาพ” ย่อมสร้าง “ประเทศที่มี คุณภาพ” ดังนั้น “เศรษฐกิจสุขภาพ” จึงเป็นวาระสำคัญที่ทุกภาคส่วนและคนไทยทุกคนต้องหันมารณรงค์ดูแลป้องกัน ก่อนที่ “ปัญหาสุขภาพ” จะกลายเป็นวัฏจักร “จน-เครียด-ป่วย” จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในที่สุด

ก็ไม่รู้ว่า “จน-เครียด-ป่วย” กับ “โง่-จน-เจ็บ” อย่างไหนจะร้ายแรงกว่ากัน.

ศพสัตว์เกลื่อนบ้านสาวมะกัน


เมื่อวันที่ 13 เม.ย. น.ส.เซย์ซี ลินน์ เบรเกล วัย 26 ปี ชาวรัฐมินเนโซตา ในสหรัฐฯ ถูกศาลตัดสินให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ทำงานช่วยเหลือสังคม 200 ชม. อยู่ภายในบ้านที่มีเครื่องตรวจจับ 90 วัน และต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพจิต 

หลังมีความผิด 13 กระทง รวมข้อหาทรมานสัตว์ จากการตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไรช่วยเหลือสัตว์ “มินเนโซตา แอนนิมัล เรสคิว” ภายในบ้านที่เมืองแคสเติล ร็อก แล้วพบแมวตาย 64 ตัวถูกฝังตื้นๆ ทั่วหลังบ้าน ในตู้แช่ ตู้เย็น และโรงเก็บรถ ส่วนแมว 20-30 ตัว และหมา 5-8 ตัว ก็ปล่อยเพ่นพ่านในบ้านที่เต็มไปด้วยกองอุจจาระและปัสสาวะส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

ทั้งนี้ ตามเอกสารศาลอ้างคำร้องที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง 3 ครั้งเรื่องพบหมูน้ำหนัก 400 ปอนด์ หรือ 181 กก. หลุดออกมา จนชาวบ้านติดต่อไปยังสมาคมเมตตาสัตว์ (AHS) แล้วให้พนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบภายในบ้านของเบรเกล ทำให้พบสภาพความเป็นอยู่ของแมวและหมาที่สุขภาพแย่ 

ส่วนแมวที่ตายยังอยู่ระหว่างหาสาเหตุ แต่เห็นได้ชัดว่าขาดสารอาหาร โดยคุณหมอพบว่าไม่มีอาหารในท้องและทางเดินลำไส้แมว.

คดีพิศวงโจมตีด้วยแก๊สที่เมืองแมททูน ข้ามกาลเวลาตำรวจยัง งง ใครคือผู้ก่อเหตุ

มันมีเงื่อนงำ!? โจมตีด้วยแก๊สที่เมืองแมททูน คดีพิศวงข้ามกาลเวลาตำรวจยัง งง ! ใครคือผู้ก่อเหตุ


คดีปริศนา Mad Gasser of Mattoon เกิดขึ้นในปี 1944 ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองแมททูนประมาณ 15,000 คน รัฐอิลลินอยส์ ของสหรัฐอเมริกา เกิดความแตกตื่น
เนื่องจากพวกเขาคิดว่ากำลังจะถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษ ขณะเดียวกัน ตำรวจท้องถิ่นได้รับรายงานว่า พบบุคคลปริศนาที่แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ชุมชนแล้วพ่นแก๊สพิษเข้าไปตามบ้านเรือน โดยชาวบ้านต่างเกิดอาการไอ คลื่นไส้อาเจียน และรู้สึกขาชาชั่วขณะ

ชาวเมืองที่ถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษ ได้อธิบายถึงรูปพรรณสัณฐานผู้ก่อเหตุไว้ว่า เป็นผู้ชายตัวสูง สวมใส่เสื้อผ้าสีดำ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านอีกกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนรายงานว่าบุคคลปริศนานั้นเป็นผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนผู้ชาย อีกทั้งยังมีการตรวจพบรอยเท้าผู้หญิงตรงจุดเกิดเหตุด้วย
Mad Gasser of Mattoon
ในเวลาต่อมา หน่วยสืบสวนกลางสหรัฐหรือ FBI ได้เข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับแก๊สพิษที่ว่า เว้นเสียแต่รอยเท้าและพยานบุคคล จนมีเสียงร่ำลือว่านี่อาจเป็นแค่อุปาทานหมู่เท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติเลยกันทีเดียว
เรียบเรียง : SP

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

รายการบล็อกของฉัน