Custom Search

น้ำบนโลกมาจากไหน.. นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบเพื่อไขปริศนาการก่อตัวของโลกและดวงจันทร์


ค้นหา
รายงานชิ้นใหม่ของนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Brown ในสหรัฐซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Science เปิดเผยสมมติฐานใหม่ว่าจริงๆแล้วน้ำบนโลกและบนดวงจันทร์อาจมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งการไขปริศนาเรื่องนี้อาจนำไปสู่ทฤษฎีใหม่ๆเกี่ยวกับการก่อกำเนิดของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ

แรกเริ่มเดิมทีนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์เกิดขึ้นจากดาวเคราะห์ขนาดประมาณดาวอังคารพุ่งชนโลกเมื่อราว 4,500 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดชิ้นส่วนเล็กๆแตกออกมาแล้วหลอมละลายกลายเป็นดวงจันทร์โคจรอยู่รอบโลก ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้เกิดความร้อนมหาศาลบนดวงจันทร์ที่เพิ่งเกิดใหม่ จนเผาไหม้สสารต่างๆหลอมละลายและก่อตัวเป็นน้ำขึ้นมาก่อนที่จะแห้งไป

แต่ภายใต้สมมติฐานใหม่ที่นักธรณีวิทยา Alberto Saal และเพื่อนร่วมงานที่มหาวิทยาลัย Brown ใช้เวลาศึกษาราว 5 ปีและเพิ่งเปิดเผยในวารสาร Science เมื่อเร็วๆนี้ระบุว่า จากการใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ศึกษาตัวอย่างหินที่นักบินอวกาศของยานอพอลโล่เก็บมาจากดวงจันทร์เมื่อราว 40 ปีก่อน พบหลักฐานว่ามีส่วนประกอบของน้ำปรากฎอยู่ในหินภูเขาไฟจากดวงจันทร์

นักวิจัย Alberto Saal อธิบายว่าหลักฐานชิ้นแรกที่พบคือส่วนประกอบของน้ำในหินที่เชื่อว่ามาจากพื้นผิวชั้นในของดวงจันทร์ จึงเป็นไปได้ว่าผิวชั้นในของดวงจันทร์น่าจะเคยมีน้ำประกอบอยู่ โดยเมื่อ 2 ปีก่อนนักวิจัยกลุ่มนี้รายงานว่า ร่องรอยทางเคมีของน้ำที่พบในหินจากดวงจันทร์มีลักษณะคล้ายกับร่องรอยทางเคมีที่พบในหินที่มาจากผิวชั้นในของโลก จึงมีความเป็นไปได้ที่น้ำบนดวงจันทร์น่าจะมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันกับน้ำที่อยู่บนโลก คำถามสำคัญคือแหล่งกำเนิดน้ำคืออะไร และน้ำไปอยู่บนดวงจันทร์ได้อย่างไร

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า 98% ของน้ำที่อยู่บนพื้นโลกในช่วงที่โลกเพิ่งก่อตัวใหม่ๆนั้น มาจากอุกกาบาตที่มีน้ำแข็งเกาะติดอยู่ ซึ่งเป็นอุกกาบาตที่เกิดในช่วงการก่อกำเนิดของระบบสุริยจักรวาลและเชื่อว่าพุ่งชนโลกเมื่อราว 4,500 ล้านปีที่แล้ว รายงานชิ้นนี้จึงตั้งสมมติฐานว่าโลกอาจจะก่อกำเนิดและวิวัฒนาการมาโดยมีน้ำที่มาจากอุกกาบาตเป็นส่วนประกอบตั้งแต่ช่วงแรกๆ และน้ำนั้นยังติดไปกับชิ้นส่วนที่หลุดออกไปจากแรงกระแทกของอุกกาบาตก่อนที่จะหลอมละลายกลายเป็นดวงจันทร์ แต่สิ่งที่นักวิจัยยังหาคำตอบไม่ได้คือ ทำไมน้ำเหล่านั้นจึงไม่ระเหยไปในอวกาศแต่กลับติดไปกับดวงจันทร์

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown ชิ้นนี้ช่วยอธิบายถึงการก่อกำเนิดของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆเช่น ดาวอังคารและดาวศุกร์ เพราะก่อนหน้านี้แทบไม่เคยมีการศึกษามาก่อนว่าอาจมีน้ำเป็นส่วนประกอบระหว่างการก่อตัวของดาวเคราะห์ต่างๆ จนกระทั่งพบน้ำในหินจากดวงจันทร์ ซึ่งทำให้นักวิจัยสรุปได้ว่า ดวงจันทร์ก็คือซากฟอสซิลที่บันทึกประวัติการก่อกำเนิดของโลกเอาไว้

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

รายการบล็อกของฉัน