Custom Search

เจอร์บัว Jerboasนี่คือสัตว์ที่มีขนาดใบหูใหญ่ที่สุดในโลก


เจอร์บัว (Jerboas) นี่คือสัตว์ที่มีขนาดใบหูใหญ่ที่สุดในโลก (ลักษณะคล้ายหนูแต่อึดกว่าเยอะ) 

 “เจอร์บัว” (Jerboas) สัตว์ฟันแทะที่ได้ขึ้นว่า “มีหูใหญ่มากที่สุดในโลก” ซึ่งหูของมันมีขนาดใหญ่เป็น 2 ใน 3 ของขนาดตัว มีถิ่นกำเนิดในทะเลทรายทางตอนใต้ของมองโกเลีย มีหน้าตาคล้ายหนู แต่ขาหลังยาวเหมือนจิงโจ้ ส่วนขาหน้าเล็กคล้ายที-เร็กซ์ มีขนาดตัวเพียง 7-10 เซนติเมตร เห็นตัวจิ๋วแบบนี้ แต่พวกมันมีสกิลที่น่าทึ่งสุด ๆ

ด้วยความที่ขายาว + ตัวเล็ก ทำให้มันปราดเปรียวและมีความเร็วสูงมันมี แถมยังมีปฏิกิริยาในการป้องกันตัวระดับฮาคิสังเกต (หากในไม่เคยดูการ์ตูนวันพีช ‘ฮาคิสังเกต’ คือการรับรู้อันตรายล่วงหน้า) โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่า มันเป็นหนูชนิดเดียวที่สามารถเอาตัวรอดจากนักล่าแห่งทะเลทรายอย่างงูหางกระดิ่งได้ เนื่องจากเจ้าหนูเจอร์บัวนั้นมีความเร็วที่มากกว่านั่นเอง 

โดยความเร็วในการฉกของงูห่างกระดิ่งคือ 100 มิลลิวินาที ซึ่งเร็วกว่าการกระพริบตา 1 ครั้งของมนุษย์เราเสียอีก (การกระพริบตา 1 ครั้งใช้เวลาประมาณ 150 มิลลิวินาที) แต่ทว่าหนูเจอร์บัวมีความเร็วในการกระโดดหลบคู่ต่อสู้คือ 70 มิลลิวินาที นั่นหมายความว่า ไม่ว่ายังไงงูห่างกระดิ่งก็ไม่มีวันล่าหนูเจอร์บัวได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ มันยังอึดสุด ๆ เพราะพวกมันสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้นานถึง 3 ปี แม้ไม่กินน้ำเลย เนื่องจากเจอร์บัวได้รับความชื้นจากแหล่งอาหารที่พวกมันกินอยู่แล้ว นั่นคือ รากพืช ต้นหญ้าทะเลทราย แมลงขนาดเล็ก ซึ่งอาหารจำพวกนี้จะสะสมน้ำไว้มากเพียงพอสำหรับการอยู่รอดระยะยาวได้ 

ทั้งนี้ ความรับของประสาทการรับรู้ถึงอันตรายที่ยอดเยี่ยมมาจากหูที่ยาวและใหญ่ของมันนั่นเอง เพราะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของสิ่งรอบตัวได้ไกลมาก นั่นทำให้มันสามารถได้ยินเสียงของศัตรูอย่างงูหางกระดิ่งที่เข้ามาใกล้ได้ อีกทั้ง หูของมันยังช่วยค้นหาที่อยู่ของแมลงและกำหนดทิศทางในการกระโดดจับกลางอากาศได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันนั้นยังถือว่ามีไม่มากนัก เพราะพวกมันมีจำนวนน้อยและหายาก ทำให้ IUCN ไม่อาจจะประเมินจำนวนที่แน่ชัดได้ และแม้จะมีสกิลระดับสุดยอดแต่นักวิจัยเชื่อว่าประชากรในธรรมชาตินั้นลดลงมากกว่า 80% ตลอดระยะเวลา 10 ปีผ่านมา ทำให้หนูเจอร์บัวถูกจัดให้อยู่ใน 100 สัตว์ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดในโลก  

👉– แม้เจอร์บัวจะมีหน้าตาคล้ายหนู แต่เชื่อหรือไม่ว่า พวกมันไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย และเจอร์บัวก็ไม่ได้เป็นญาติกับสัตว์ชนิดใดบนโลกอีกด้วย 
มันวิวัฒนาการขึ้นมาบนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน และยังคงมีชีวิตรอดและสืบสายพันธุ์มาถึงทุกวันนี้ และสาเหตุที่พวกมันมีจำนวนลดลง เป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง + แหล่งที่อยู่และอาหารค่อย ๆ ลดลง จากการรุกคืบของมนุษย์

เรื่องจริงของ เพอร์ซี่ ฟอว์เซตต์นักล่าสมบัติตัวจริง ที่หายสาบสูญไปในป่าแอมะซอน



เรื่องจริงของ “เพอร์ซี่ ฟอว์เซตต์” (นักล่าสมบัติตัวจริง) ที่หายสาบสูญไปในป่าแอมะซอน
“เพอร์ซี่ แฮร์ริสัน ฟอว์เซตต์” (Percy Harrison Fawcett) นักผจญภัยและนักสำรวจชาวอังกฤษ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เขาเริ่มออกเดินทางสำรวจป่าแอมะซอนตั้งแต่ปี 1906 ในยุคที่ผู้คนต่างมองว่าป่าแอมะซอนเป็นดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอันตราย ทั้งสัตว์มีพิษ แม่น้ำที่เต็มไปด้วยจระเข้และปลาปิรันยา ไหนจะยังมีชนเผ่ากินคนอาศัยอยู่อีก นี่จึงเป็นเหตุให้ไม่มีนักสำรวจคนใดกล้าย่างเท้าเข้าไปสำรวจแม้แต่ก้าวเดียว

ซึ่งความบ้าบิ่นของฟอว์เซตต์ทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลกด้วยการเข้า-ออกป่าแอมะซอนเป็นว่าเล่น (7 ครั้ง) โดยจุดประสงค์หลักในการสำรวจนี้คือการตามหา “The Lost City of Z” เมืองโบราณที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ที่เขาเชื่อว่ามันตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าแอมะซอน..กระทั่งในปี ค.ศ.1925 เขาตัดสินใจออกสำรวจอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขามั่นใจมากกว่า “เมือง Z” ที่เขาตามหาจะต้องซ่อนอยู่ในภูมิภาคมาโต-กรอซโซ ประเทศบราซิลอย่างแน่นอน

และการสำรวจในครั้งนี้ เป็นการเข้าป่าแอมะซอนครั้งที่ 8 ของฟอว์เซตต์ โดยเขาได้นำ ”แจ๊ค” ลูกชายนักผจญภัยวัย 22 ปี พร้อมกับ “ราลี ริมเมลล์” เพื่อนในวัยเด็ก ซึ่งทั้งสามหวังว่าจะได้พบเมือง Z ตามที่ฟอว์เซตต์เชื่อว่ามีอยู่จริง เขากล่าวกับสำนักข่าวในนิวเจอร์ซีย์ว่า “เราจะกลับมาและนำสิ่งที่เราแสวงหากลับมาด้วย”

👉ภาพของ เพอร์ซี ฟอว์เซตต์ และ ราลี ริมเมล์ กำลังคุยกับไกด์ในแอมะซอน

เริ่มต้นออกเดินทาง – ในวันที่ 20 เมษายน ปี ค.ศ.1925 ฟอว์เซตต์ได้เดินทางไปยังเขตป่าแอมะซอนที่ห่างไกลของเมืองกูยาบา และนับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครทราบหรือพบร่องรอยใด ๆ ถึงการมีอยู่ของพวกเขาอีกเลย จะมีเพียงก็แต่คำบอกเล่าจากสมาชิกชนพื้นเมืองกาลาปาโลที่ตั้งอยู่ในป่าลึกซึ่งเคยนำทางพวกเขา โดย 1 ในสมาชิกของชนเผ่าเล่าว่า

“ร่างกายพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยุงกัดและแมลงกัดต่อย ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงหมู่บ้าน ฟอว์เวตต์เล่าให้ฟังว่า ‘ต้องเผชิญหน้ากับงูพิษมากมาย รวมถึงโดนชนเผ่าที่ไม่รู้จักมาก่อนโจมตี แต่โชคดีที่พวกเขามีอาวุธปืนจึงช่วยให้หลบหนีมาได้’ ซึ่งทั้งสามคนมาพักอยู่ที่หมู่บ้านของฉัน 2-3 วัน ก่อนจะขอให้นำทางไปจนสุดเขตเท่าที่จะพาไปได้ และก่อนที่พวกเขาจะหายเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฉันได้เตือนถึง “ชนเผ่ากินคน” ที่ชอบทำสงครามกับเผ่าอื่น แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขา

“ร่างกายพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยุงกัดและแมลงกัดต่อย ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงหมู่บ้าน ฟอว์เวตต์เล่าให้ฟังว่า ‘ต้องเผชิญหน้ากับงูพิษมากมาย รวมถึงโดนชนเผ่าที่ไม่รู้จักมาก่อนโจมตี แต่โชคดีที่พวกเขามีอาวุธปืนจึงช่วยให้หลบหนีมาได้’ ซึ่งทั้งสามคนมาพักอยู่ที่หมู่บ้านของฉัน 2-3 วัน ก่อนจะขอให้นำทางไปจนสุดเขตเท่าที่จะพาไปได้ และก่อนที่พวกเขาจะหายเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฉันได้เตือนถึง “ชนเผ่ากินคน” ที่ชอบทำสงครามกับเผ่าอื่น แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขากังวลและลดทอนความมุ่งมั่นที่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย” 

👉เพอร์ซี ฟอว์เซตต์ เป็นต้นแบบคาแลกเตอร์ของตัวเอกในอินเดียน่าโจนส์

ผ่านไป 2 ปี จนกระทั่งปี ค.ศ.1927 ไม่มีการติดต่อกลับจากฟอว์เซตต์หรือคนอื่น ๆ ทำให้รัฐบาลบราซิลจะช่วยกันออกตามหา แต่ก็ไม่มีวี่แววของพวกเขาอยู่เลย ไม่มีแม้กระทั่งศพ เศษเสื้อผ้าหรือสัมภาระใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งการหายไปอย่างปริศนาแบบนี้ ทำให้ไม่สามารถฟันธงได้ว่าทั้งสามเสียชีวิตไปแล้วจริง ๆ

ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงพากันตั้งข้อสันนิษฐานไปต่าง ๆ นา ๆ ว่า ถูกเสือกิน , ผลัดตกน้ำแล้วถูกฝูงปิรันยากิน , ถูกเผ่ากินคนจับบูชายัณ หรือแม้แต่เข้าร่วมกับชนเผ่าสักแห่งในป่าไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบเรื่องราวที่แท้จริงว่าตลอดการเดินทางของพวกเขาทั้งสามต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และเจอเมืองโบราณที่พวกเขาตั้งใจจะตามหาหรือไม่  จนถึงทุกวันนี้เรื่องราวการหายไปของพวกเขาก็ยังคงเป็นปริศนาครับ
😂 – เรื่องราวการผจญภัยของ เพอร์ซี ฟอว์เซตต์ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายเรื่อง Indiana Jones และในปี 2017 เคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง 
The Lost City of Z

ค้นพบไมโครชิปโบราณอายุ 250 ล้านปี

ค้นพบไมโครชิปโบราณ
อายุ 250 ล้านปี

นักวิจัยได้ค้นพบที่น่าทึ่งอีกครั้งในเมือง Labinsk ประเทศรัสเซีย ตามที่นักวิชาการการค้นพบนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ใหม่ที่สมบูรณ์ซึ่งนักทฤษฎีต่างดาวโบราณหลายคนพูดถึงมานานหลายปี

วัตถุที่นักวิจัยค้นพบเชื่อว่าเป็นไมโครชิปโบราณและหลังจากการทดสอบนับไม่ถ้วนนักวิจัยได้ข้อสรุปว่าของโบราณชิ้นนี้ถูกใช้เป็นไมโครชิปในสมัยโบราณ
จากการทดสอบเชื่อว่าสิ่งประดิษฐ์นี่มีอายุระหว่าง 225 ถึง 250 ล้านปี
คำถามมีความเป็นไปได้ว่านี่เป็นซากของเทคโนโลยีโบราณ? เทคโนโลยีที่เป็นของอารยธรรมขั้นสูงที่อาศัยอยู่บนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน ?
หรือมีความเป็นไปได้ไหมว่านี่ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์บนโลก แต่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นซึ่งเป็นของสิ่งมีชีวิตนอกโลก ?

สิ่งที่ทำให้รัสเซียไม่เหมือนใครจนมีการค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมากเช่นเดียวกับที่เราเห็นที่นี่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
"ไมโครชิปโบราณ" นี้ถูกค้นพบในภูมิภาค Krasnodar และ ufologists ได้ติดแท็กการค้นพบนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่วิทยาศาสตร์ไม่รู้จักมาก่อน

เช่นเดียวกับการค้นพบอื่น ๆ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าทึ่งนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยชาวประมงท้องถิ่นชื่อ Viktor Morozov ผู้ซึ่งบริจาคการค้นพบที่น่าสงสัยของเขาให้กับนักวิชาการจาก University of Southern Polytechnic Nowoczerkaskiej ซึ่งทำการทดสอบหลายครั้งและสรุปได้ว่าฝังอยู่ในหินนั้นเป็น “ อุปกรณ์” แปลก ๆ ซึ่งคล้ายกับไมโครชิปในปัจจุบันอย่างแปลกประหลาด
ที่เกี่ยวข้อง: สิ่งประดิษฐ์นาโนเทคโนโลยีอายุ 300,000 ปีของรัสเซีย

นักวิจัยไม่ได้พยายามถอดไมโครชิปที่ถูกกล่าวหาออกจากหินด้วยความกลัวว่าอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
นักธรณีวิทยาและนักวิจัยไม่สามารถอธิบายที่มาของการค้นพบที่น่าอัศจรรย์นี้ได้และมีความเป็นไปได้มากมายที่อธิบายว่าวัตถุนี้คืออะไร เทคโนโลยีจากต่างดาวหลักฐานของสังคมโบราณที่ซับซ้อนหรือหินแปลก ๆ ก้อนหนึ่งที่เกิดจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตามที่มาของสิ่งประดิษฐ์นี้และอื่น ๆ อีกมากมายที่ค้นพบในรัสเซีย ยังคงเป็นปริศนาไม่มีการอธิบายได้.......  
ที่มา  Ancient Code
Link to Mystery History: https://www.youtube.com/mysteryhistory

Currently Play-listing our best content on the secondary channel 

With new episodes on the Main coming soon, Thanks for understanding guy's, I hope you're all safe & Enjoy - MH.

Thank-You For Your Continued Support In Regard To Our Fight Against Academic Fallacies:

If You Would Like To Support The Channel You Can Via The Following Avenues; Thank You,  

Join Us On Facebook:  https://www.facebook.com/MysteryHisto...

ชาวขั้วโลกเหนือใช้อุกกาบาตเป็นอาวุธ

ชาวขั้วโลกเหนือใช้อุกกาบาต
เป็นอาวุธ
" Before Iron, Greenland had a 'METEORITE Age': Prehistoric Eskimos mined giant space rocks to make tools and weapons "

บริเวณที่เย็นจัดทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล มีแหล่งแร่เหล็กที่ใช้ได้จริงเพียงไม่กี่แห่ง ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 8 เป็นต้นมา ชาวท้องถิ่นจึงใช้เหล็กจากอุกกาบาตกันเป็นส่วนใหญ่

อุกกาบาตที่ดังที่สุดคือ อุกกาบาตเคปยอร์ก ที่ตกลงบนเกาะกรีนแลนด์ตั้งแต่เมื่อ10,000 ปีก่อนและแตกออกเป็นชื้นใหญ่ ๆ โดยชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักประมาณ 31 ตัน

อุกกาบาตนี้มีชื่อเรียกในหมู่ชาวอินูอิตว่า Saviksoah ซึ่งแปลว่าเหล็กก้อนใหญ่ โดยเหล็กจากอุกกาบาตจะถูกสกัดออกไปเพื่อนำไปขัดและขึ้นรูปเป็นใบมีด หัวลูกดอก และเครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้แลกเปลี่ยนกัน รวมถึงล่าแมวน้ำและหาอาหารกันในเขตอาร์กติก
(คลิปวิดีโอ ภาพ ก้อนอุกกาบาตเคปยอร์กที่ถูกตั้งชื่อว่า Ahnighito โดย Robert Edwin Peary นักสำรวจชาวอเมริกันในปี 1897 และหัวหอกของชาวอินูอิตที่ทำจากเหล็กและเขานาร์วาล ที่จัดแสดงไว้ในบริติชมิวเซียม)

https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2909898/Before-iron-Greenland-METEORITE-Age-Prehistoric-Eskimos-mined-giant-space-rocks-make-tools-weapons.html

ตะลึงอึ้ง เผยทหารหน่วยรบพิเศษ SAS กำลังฝึกซ้อมต่อสู้ เอเลี่ยน อาจบุกโลก


อึ้ง เผยทหารหน่วยรบพิเศษ SAS กำลังฝึกซ้อมต่อสู้ เอเลี่ยน อาจบุกโลก

สื่ออังกฤษเผยทหารหน่วยรบพิเศษ SAS ประมาณ 20 นาย กำลังฝึกซ้อมต่อสู้กับภัยคุกคามทุกอย่าง ทั้งก่อการร้าย อาวุธชีวภาพ ไปจนถึงมนุษย์ต่างดาวที่อาจบุกโลก

เมื่อ 11 มกราคม 2564 เว็บไซต์เดลี่สตาร์ รายงานอ้างแหล่งข่าว ถึงเหตุการณ์ที่ชาวโลกส่วนใหญ่คงไม่อาจรู้ว่าขณะนี้ทหารหน่วยรบพิเศษ SAS ชั้นหัวกะทิของอังกฤษ ประมาณ 20 นายกำลังมีการฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้โดยไม่ใช้อาวุธร้ายแรงกับภัยคุกคามที่มีศักยภาพหลากหลาย ซึ่งรวมทั้งความเป็นไปได้ที่ เอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาวอาจบุกโลกมนุษย์ของเราด้วย

แหล่งข่าวเผยกับเดลี่สตาร์ว่า หน่วยรบทหารพิเศษชั้นหัวกะทิของอังกฤษกำลังเตรียมตัวฝึกซ้อมรับมือกับภัยคุกคามทุกอย่างและทุกเรื่อง รวมถึงภัยจากการก่อการร้าย ภัยจากอาวุธชีวภาพปลิดชีวิตมนุษย์ ไปจนถึงภัยจากมนุษย์ต่างดาวที่มาจากดาวดวงอื่น

‘ผมรู้ว่ามันฟังดูแล้วเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก แต่ขณะนี้ หน่วย SAS กำลังฝึกซ้อมรับมือในทุกภัยคุกคาม ทหารหน่วยรบ SAS นี้สามารถใช้อาวุธไม่ร้ายแรง อย่างสเปรย์ ในการป้องกันไม่ให้ศัตรูเคลื่อนไหว’ แหล่งข่าวเผย พร้อมกับเข้าใจว่าทหารหน่วยรบพิเศษอังกฤษนี้ได้ฝึกซ้อมทักษะการสู้รบครั้งนี้ ร่วมกับทหารจากหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ

ส่วนแหล่งข่าวอีกคนหนึ่งยังพูดเสริมด้วยว่า คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่น 

แม้แต่ไอน์สไตน์ ยังเคยกล่าวว่า ทำไมโลกถึงจะเป็นแค่ดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีมนุษย์อาศัยอยู่? และถ้าคุณเชื่อในเรื่องว่ามีสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่น คุณต้องยอมรับว่าสักวันเอเลี่ยนอาจมายังโลกในฐานะภัยต่อมนุษย์อย่างหนึ่ง

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

รายการบล็อกของฉัน