Custom Search

ค้นพบ กระท่อมอายุ 15,000 ปี ที่ถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของ แมมมอธ ทั้งหลัง


เมื่อปี ค.ศ.1965 นักวิจัยจากยูเครนและรัสเซียร่วมกันออกสำรวจเมืองเมิสเซริช (Mezhyrich) แหล่งโบราณคดี ที่ตั้งอยู่ห่างออกไป 15 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของประเทศยูเครน พบ “กระท่อมโบราณ – ที่ถูกสร้างจากชิ้นส่วนของแมมมอธ” ฝังลึกลงไปใต้ดินประมาณ 2-3 เมตร เป็นกระท่อมรูปทรงไข่ มีพื้นที่ประมาณ 12-24 ตารางเมตร ซึ่งไม่ได้มีแค่หลังเดียว แต่พบถึง 4 หลังเลยล่ะ


ค้นหา
“กระท่อมแมมมอธ” ที่แสดงในงาน Frozen Woolly Mammoth Yuka Exhibit ที่เมืองโยโกยามะ ประเทศญี่ปุ่น ปี 2013
 
นักวิจัยคาดว่ากระท่อมเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 15,000-14,000 ปีก่อน โดยโครงสร้างประกอบไปด้วยโครงกระดูกแมมมอธที่เรียงซ้อนกัน ประกอบไปด้วยกะโหลก กระดูกสะโพก กระดูกต้นขา กระดูกเชิงกราน และกระดูกสะบัก และนำหนังของแมมมอธมาคลุมกระท่อมเป็นหลังคาอีกที

นอกจากกระท่อมทั้ง 4 หลัง นักวิจัยยังพบหลุมขยะแมมมอธ ลึก 1 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร จำนวน 10 หลุม ที่รวบรวมซากกระดูกแมมมอธไว้มากถึง 149 ตัว และกองเพลิงที่ใช้ไขมัน-กระดูกแมมมอธมาเป็นเชื้อเพลิงอีกจำนวนมาก อีกทั้งยังพบ อุปกรณ์ล่าสัตว์ เครื่องมือหินต่าง ๆ เช่น เข็มสวานใช้สำหรับเจาะรู เครื่องขัด รวมไปถึง เครื่องประดับและงานศิลปะหลายชิ้น อย่างเช่น เปลือกหอย สร้อยลูกปัดงาช้าง หรือ รูปปั้นงาช้างแกะสลัก เป็นต้น ซึ่งหลักฐานเหล่านี้ บ่งบอกว่าในอดีตเมืองเมิสเซริชเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคน้ำแข็ง


จำลองกระท่อมที่ทำจากชิ้นส่วนแมมมอธ
เพิ่มเติม – การล่าแมมมอธนั้นมีมากมายหลายวิธี และถือเป็นวิถีชีวิตการเอาชีวิตรอดคนมนุษย์ในยุคนั้นด้วยเช่นกัน โดยหลักฐานซากกระดูกแมมมอธพบว่า มีร่องรอยถูกแทงด้วยหอกหลายจุด นักวิจัยจึงสันนิษฐานว่า มนุษย์จะออกล่าแมมมอธกันเป็นกลุ่มใหญ่ ตั้งแต่ 5-10 คนขึ้นไป โดยจะพุ่งหอกที่ผูกเชือกไว้ที่ด้าม เมื่อหอกแทงเข้าตัวหลาย ๆ เล่ม จนแมมมอธอ่อนแรง จากนั้นจะใช้เชือกดึงรั้งจนแมมมอธล้มลงและปลิดชีพมัน 
“หลุมดักช้างแมมมอธ”
หรืออีกหนึ่งวิธีคือ “หลุมดักช้างแมมมอธ” เป็นหลักฐานการล่ารูปแบบใหม่ถูกพบที่เมืองตุลตีเปก (Tultepec) ทางตอนเหนือของกรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก มีอายุเก่าแก่ราว 15,000 ปี โดยในหลุมที่พบ 2 แห่ง มีชิ้นส่วนกระดูกหลงเหลืออยู่ 824 ชิ้น ซึ่งคาดว่าเป็นของช้างแมมมอธจำนวน 14 ตัวด้วยกัน โดยนักวิจัยจากสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติเม็กซิโก (INAH) ระบุว่า “มนุษย์จะทำการใช้คบเพลิงไล่ต้อนแมมมอธให้ตกลงไปในหลุมที่มีความลึกประมาณ 1.7 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เมตร จากนั้นเมื่อมันติดอยู่ในหลุมไปไหนไม่ได้ ก็ง่ายต่อการลงมือปลิดชีพพวกมัน”

 วิธีการตรวจสอบอายุของวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตโบราณ ในทางวิทยาศาสตร์จะใช้เทคนิคการตรวจสอบ เรดิโอคาร์บอน (Radiocarbon Dating) หรือ คาร์บอน-14  ซึ่งเป็นธาตุที่กระจายตัวอยู่ในบรรยากาศของโลก มันจะรวมตัวกับออกซิเจน (O2) กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ดังนั้น เมื่อพืชดูดซับ CO2 ในการหายใจก็จะรับเอาคาร์บอน-14 เข้าไปด้วย  และซึมเข้าไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของพืช  สัตว์ที่กินพืชก็จะรับเอาปริมาณของคาร์บอน-14 เข้าไปเช่นกัน ส่วนมนุษย์ซึ่งกินทั้งสัตว์และพืชก็จะรับเอาปริมาณของคาร์บอน-14 จากการกินสิ่งเหล่านั้นอีกที 
ดังนั้นไม่ว่าพืช สัตว์ และมนุษย์จะมีคาร์บอน-14 สะสมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งสิ้น และจะเริ่มสะสมไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตนั้นตายลงก็จะหยุดรับคาร์บอน-14 ซึ่งนักวิจัยจะวัดจากวันที่วัตถุหรือสิ่งมีชีวิตนั้นเริ่มต้นรับและหยุดรับคาร์บอน-14 จากนั้นก็จะออกมาเป็นอายุของมันนั่นเอง

เสาหน้าคนสุดสยองพบที่รัสเซีย อาจเก่าแก่กว่าพีระมิดกีซาก็เป็นได้


ค้นหา
เจ้าประติมากรรมหน้าตาประหลาดชวนขนลุกนี้ มีชื่อว่า “ชิกีร์ ไอดอล” (Shigir Idol) ถือเป็นประติมากรรมจากไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ถูกจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ตำนานท้องถิ่น Sverdlovsk ในประเทศรัสเซีย ซึ่งเดิมทีถูกระบุว่ามีอายุถึง 9,500 ปี แต่จากการศึกษาครั้งล่าสุดพบว่า แท้จริงมันมีอายุเก่าแก่กว่าที่เคยสันนิษฐานกัน และอาจเก่ากว่าพีระมิดแห่งกีซาถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

โดย เสาแกะสลักต้นนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1890 บริเวณหนองน้ำชิกีร์ เทือกเขาอูรัล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเยคาเตรินเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ซึ่งอยู่ลึกลงไปจากพื้นดินถึง 4 เมตร ทำให้ไม่ถูกรบกวนจากแบคทีเรีย อีกทั้งยังถูกพบในลักษณะชิ้นส่วนแยกกันเป็น 10 ชิ้น ซึ่งเมื่อนำมาประกอบต่อกันเสาแกะสลักนี้มีความสูงถึง 2.8 เมตร โดยนักโบราณคดีระบุว่า ยังมีชิ้นส่วนบางอย่างขาดหายไป หากหาครบและนำมาประกอบ เสาต้นนี้อาจสูงมากกว่า 5 เมตรก็เป็นได้

ซึ่งสาเหตุที่มีการระบุอายุผิดพลาดเป็นเพราะผิวด้านนอกของเสาแกะสลัก ถูกซ่อมแซมด้วยขี้ผึ้งและแต่งเติมเม็ดสีในช่วง 120 ปีที่ผ่านมา นั่นทำให้มันดังกล่าวดูอ่อนกว่าอายุที่ควรจะเป็น โดยในปี 2014 ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกิททิงเงิน ประเทศเยอรมัน ได้ใช้เทคนิค “เรดิโอคาร์บอน” (Radiocarbon Dating หรือ Carbon-14) เพื่อตรวจสอบอายุที่แท้จริงด้วยการวิเคราะห์จากแกนกลางเสา ทำให้เผยข้อมูลสำคัญว่า “ชีกีร์ ไอดอล ถูกแกะสลักจากต้นสนที่มีอายุเก่าแก่กว่า 11,500 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่า ประติมากรรมรูปแกะสลักนี้อาจถือกำเนิดมาตั้งแต่ปลายยุคน้ำแข็งกันเลยทีเดียว

อีกทั้ง โทมัส เทอร์แบร์เกอร์ (Thomas Terberger) นักโบราณคดีชาวเยอรมัน กล่าวเสริมว่า “งานแกะสลักนี้อาจเป็นฝีมือของนักล่าสัตว์ในยุคโบราณซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ซับซ้อน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหมู่นักล่าสัตว์ด้วยกันเอง โดยมีสัญลักษณ์รูปเรขาคณิตซึ่งเป็นเครื่องหมายต้องห้ามที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์”

ทั้งนี้ จากการศึกษาในช่วงแรกพบว่า ชิกีร์ ไอดอล มีส่วนของใบหน้าทั้งหมด 7 หน้า และมีร่างกายที่ปกคลุมด้วยสัญลักษณ์เรขาคณิตที่แกะสลักทั้งบนใบหน้าและตามร่างกาย โดยนักโบราณคดีในอดีตเชื่อกันว่า “สัญลักษณ์เรขาคณิตเหล่านี้ อาจหมายถึงสิ่งมีชีวิตอย่าง ผู้ชาย ผู้หญิง พืช และสัตว์ รวมถึงเป็นตัวแทนของเทวรูปที่มีความหมายเกี่ยวกับการสร้างโลก” แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้มีการชี้ชัดถึงความหมายของรูปแกะสลักนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม มิคาอิล ชิลิน นักโบราณคดีชาวรัสเซีย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้จะยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า ชิกีร์ ไอดอล ถูกสร้างขึ้นเพื่ออะไร แต่การค้นพบรูปแกะสลักจากต้นไม้นี้ บ่งบอกว่ามนุษย์ในยุคโบราณไม่ได้ใช้หินในการสร้างงานศิลปะ หรืออนุสรณ์สถานเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขารู้วิธีการแกะสลักไม้อย่างมีฝีมือ แต่ก็ยังนับว่าน่าแปลกใจที่งานศิลปะจากไม้สามารถอยู่รอดได้ถึงปัจจุบัน”
👉รู้หรือไม่ ? ปริศนาการสร้างพีรมิดอียิปถูกไขคำตอบได้นานแล้ว โดยกลุ่มนักวิจัยชาวดัตช์ที่ระบุว่า แรงงานทาสจำนวนมากในสมัยนั้น ใช้วิธียกหินวางบนรถเลื่อน และใช้วิธีเทน้ำลงบนทรายเพื่อลากมันได้ง่ายขึ้น หรืออีกทฤษฎีก็คือการขนย้ายหินโดยการขุดคลอง และใช้น้ำเพื่อลดภาระในการขนย้ายหิน และใช้การทำอุโมงค์ผันน้ำ เพื่อนำหินขึ้นไปสู่แต่ละชั้นของพีระมิด

นักโบราณคดีพบ หนึ่งในภาพแผนที่ยุโรปที่เก่าแก่ที่สุด ถูกสลักบนหินโบราณอายุกว่า 4,000 ปี


นักโบราณคดีพบ หนึ่งในภาพแผนที่ยุโรปที่เก่าแก่ที่สุด ถูกสลักบนหินโบราณอายุกว่า 4,000 ปี

ค้นหา
เพราะทุกผืนแผ่นดินล้วนทิ้งหลักฐานทางอารยธรรมไว้มากมาย เช่นเดียวกับฝรั่งเศส ที่นักโบราณคดีค้นพบแผนหินยุคสำริดอายุราว 4,000 ปี สลักภาพแผนที่ยุโรป ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนที่ยุโรปที่เก่าแก่ที่สุด นับตั้งแต่เคยค้นพบ

แผนที่สามมิติที่สลักบนหินยุคสำริด ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1900 โดยนักโบราณคดีท้องถิ่น Paul du Chatellier ในระหว่างการขุดหลุมฝังศพโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในเมืองฟีนิสแตร์ (Finistère) ทางตะวันตกของแคว้นบริตตานี (Brittany) จากนั้น Paul ได้เก็บแผ่นหินสำริดนี้ไว้ที่ปราสาท Château de Kernuz เป็นเวลาหลายสิบปี ก่อนนักโบราณคดีจะตามไปพบอีกครั้งเมื่อ ค.ศ.2014

นักวิจัยจากสถาบันแห่งชาติฝรั่งเศสเพื่อการวิจัยทางโบราณคดีเชิงป้องกัน (Inrap), ศูนย์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส (CNRS), มหาวิทยาลัยบอร์นมัท (Bournemouth University) และมหาวิทยาลัยบริตทานี (UBO) ได้ร่วมมือกันศึกษารูปวาดบนแผ่นหินอย่างละเอียด และพบว่ามันเป็นแผนที่ของพื้นที่ทางทิศตะวันตกของบริตตานี ชิ้นส่วนของหินที่ใช้วาดแผนที่เรียกว่า 'Saint-Bélec Slab' ซึ่งเชื่อกันว่าอยู่มาตั้งแต่ยุคสำริดตอนต้น หรือช่วง 1,900 ปีก่อนคริสตกาล ถึง 1,650 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้หินชิ้นนี้มีอายุราวๆ 4,000 ปีเลยทีเดียว

การค้นพบครั้งนี้สร้างความฮือฮาให้กับเหล่านักโบราณคดีอย่างมาก เพราะลวดลายแผนที่ยังไม่จางหายไปเท่าไหร่ ทำให้การศึกษาเป็นไปอย่างไม่ยากลำบากมากนัก อีกทั้งผลของงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Bulletin of the French prehistoric society ยังระบุว่า ลายเส้นบนแผ่นหินมีความเชื่อมต่อกันชัดเจน ชี้ให้เห็นว่าแผนที่นี้แสดงภาพภูมิทัศน์ของเมืองฟีนิสแตร์ในอดีต

นอกจากนี้ นักวิจัยยังชี้ให้เห็นจุดที่เป็นหุบเขาบริเวณแม่น้ำ Odet ขณะที่เส้นอื่นๆ ในแผนที่อีกหลายเส้นดูเหมือนจะแสดงให้เห็นการเชื่อมต่อของแม่น้ำสายต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับตำแหน่งภูมิศาสตร์ปัจจุบัน พบว่าภาพเหล่านั้นมีความแม่นยำสูงถึง 80% เลยทีเดียว

ดร.Clément Nicolas จากมหาวิทยาลัยบอร์นมัท (Bournemouth University) หนึ่งในผู้เขียนงานวิจัย เปิดเผยว่า “นี่น่าจะเป็นแผนที่แสดงพื้นที่ในยุโรปที่เก่าแก่สุดเท่าที่เคยค้นพบ” Nicolas ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีแผนที่หลายฉบับที่แกะสลักด้วยหิน แต่มันเป็นเพียงการตีความแบบกว้างๆ แต่แผนที่นี้เป็นแผนที่แรกที่แสดงภาพพื้นที่ในมาตราส่วนเฉพาะ
บ่อยครั้ง เรามักจะประเมินองค์ความรู้ของมนุษย์ในอดีตตามมาตรฐานความเป็นอยู่ในขณะนั้น ส่งผลให้เผลอไปตีค่าความรู้ของมนุษย์โบราณต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่ง Nicolas เองก็เห็นด้วยกับความเป็นจริงนี้ เขากล่าวว่า "เรามักจะประเมินความรู้ทางภูมิศาสตร์ในมนุษย์ในอดีตต่ำเกินไป นั่นทำให้แผนที่นี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมันแสดงให้เห็นองค์ความรู้อันสูงส่งของมนุษย์โบราณ”

ค้นพบโครงกระดูกลึกลับขนาดใหญ่ 30 เมตรที่พบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซากงูทะเลในตำนาน


ค้นหา
โครงกระดูกลึกลับขนาดใหญ่ 30 เมตรที่พบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน: ซากงูทะเลในตำนาน? 

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการโพสต์วิดีโอบนเครือข่าย (ดูด้านล่าง) ซึ่งถ่ายทำโดยยานพาหนะใต้น้ำที่ควบคุมจากระยะไกลที่ไหนสักแห่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งแสดงให้เห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่มากที่ก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

วิดีโอดังกล่าวโพสต์โดย Deborah Hatswellนักวิจัยด้าน Cryptozoologist และนักวิจัยอาถรรพณ์ ตามที่เธอกล่าววิดีโอนี้มอบให้กับเธอโดยบุคคลที่ไม่มีชื่อซึ่งทำงานในอุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานของเขาคือการถ่ายภาพส่วนต่างๆของก้นทะเลด้วยความช่วยเหลือของยานพาหนะที่ควบคุมจากระยะไกลและโครงกระดูกที่ผิดปกตินี้ถูกค้นพบโดยเขาในระหว่างการศึกษาก้นทะเล

วิดีโอนี้ถ่ายทำในปี 2017 ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ในเฟรมของวิดีโอคุณจะเห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่ที่มีกระดูกสันหลังที่ยาวมากราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายงู

จากข้อมูลของ Debora ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโครงกระดูกนั้นผิดปกติจริงๆ ผู้เขียนวิดีโอเป็นมืออาชีพในสาขาของเธอและรู้วิธีจดจำกระดูกของสิ่งมีชีวิตในทะเลตามปกติของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรวมถึงปลาวาฬที่ว่ายน้ำมาที่นี่เป็นครั้งคราว

โครงกระดูกในวิดีโอมีรายงานจะค่อนข้างมีขนาดใหญ่และไม่เหมาะสำหรับท้องถิ่นใด ๆสิ่งมีชีวิต ความแตกต่างกับกระดูกสันหลังของปลาวาฬนั้นชัดเจน - ปลาวาฬมักจะมีกิ่งก้านสามกิ่งบนกระดูกสันหลังในขณะที่สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะเป็นเพียงสองตัว

นอกจากนี้โครงกระดูกยังขาดกะโหลกซึ่งเป็นเรื่องแปลกสำหรับซากของปลาวาฬกะโหลกของพวกมันมีขนาดใหญ่และหนักมาก

“ กระดูกอาจจะเก่าแก่มากเพราะฉันเห็นแอ่งดินเหนียวจำนวนมากยื่นออกมาจากโคลนและพวกมันอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายพันปี โครงกระดูกยาวประมาณ 30 เมตรและใหญ่มากดูเหมือนว่าเป็นของงูอะไรสักอย่าง” - รายงานผู้เขียนวิดีโอ

ในความคิดเห็นชาวเน็ตเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์และตั้งสมมติฐานว่ามันเป็นซากของมังกรทะเลในตำนาน

วิดีโอดังกล่าวโพสต์โดย Deborah Hatswellนักวิจัยด้าน Cryptozoologist และนักวิจัยอาถรรพณ์ 

น่าเสียดายที่ไม่มีข้อมูลว่าผู้เขียนวิดีโอได้เก็บตัวอย่างกระดูกเพื่อการวิเคราะห์หรือไม่และเขามีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นในอนาคตหรือไม่

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

รายการบล็อกของฉัน